วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ขับรถใหม่ไปดูรถเก่าที่เจษฎามิวเซียม

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2557
          ไปร่วมทำบุญครบ 60 วันหลังมรณภาพของหลวงลุงบุญสม จรณธัมโม (ท่านพระครูสุธรรมวุฒาจารย์) ที่กาญจนบุรี ประมาณเที่ยงเศษเสร็จงานรวมญาติมิตร เราก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเห็นว่ายังมีเวลาอีกมาก จึงชวนทุกคนไปดูพิพิธภัณฑ์รถยนต์เก่าแก่ แต่ยังไม่เคยไปหรอก อาศัยดูรูปถ่ายใน facebook ที่เพื่อนๆถ่ายรูปรถแปลกๆมาให้ดู

           ขอบอกว่าเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้ลำบากมากกกก... หาพุทธมณฑลสาย 8 ไม่เจอ ดูแผนที่ก็งง  น้องชายจึงใช้เนวิเกเตอร์กูเกิลแม็พ ขับไปตามคำบอก พาเข้าซอยเล็กซอยน้อยซอยแคบ ค่อยๆขับตามกันไป 2 คัน สุดท้ายไปจนมุมที่สะพานวัดไสยาวาส สะพานปิดซ่อม ข้ามแม่น้ำท่าจีนไม่ได้ให้ไปใช้เส้นทางอื่น โอ้ว! พระเจ้าช่วย
           ทำไมไม่เขียนบอกไว้ปากซอยทางเข้าวัดว่าสะพานปิดซ่อม คนอื่นจะได้ไม่เสียเวลาหลงเข้าไป เราต้องกลับรถเชิงสะพานเลี้ยวกลับมาตั้งต้นปากซอยใหม่ ปรึกษากันจะไปทางไหนต่อ น้องชายเริ่มจะถอดใจ น้องสะใภ้ลองตั้งเนวิเกเตอร์ใหม่ เราลงรถไปบอกให้น้องสาวขับตามต่อ (ถึงไม่บอกก็ต้องขับตามอยู่แล้ว ไปไม่ถูกเหมือนกัน โย่ว! โย่ว!) ลองหาทางใหม่ไปกันอีกที (เราเองก็ชักจะหน่ายหน่อยๆแล้ว) สงสารคุณแม่กับคุณน้าจะเมื่อยเพราะนั่งรถนานและขับๆหยุดๆหลายครั้ง
          จากนั้นขับตามเนวิเกเตอร์ต่อไปอีก 5.6 กม. เจอสี่แยกให้เลี้ยวขวาก็ตามกันไป เจอถนนกำลังก่อสร้างก็อึ้งไปไม่ถูก น้องสะใภ้แนะให้ขับไปทางเดียวกับที่มีรถสวนมาจึงไปกันต่อ ข้ามทางรถไฟแล้วเจอรถไฟตั้งแสดงอยู่กับมีป้ายชื่อพิพิธภัณฑ์ เราก็ดีใจนึกว่าถึงแล้วแต่หาทางเข้าไม่เจอ น้องบอกให้ขับต่อไปอีกหน่อยเราจึงขับช้าๆมองหาป้ายบอกทาง ปรากฎว่าไม่มีป้ายบอกเลยค่ะท่าน แต่จอดเครื่องบินสมัยสงครามโลก(มั้ง?)ไว้ข้างประตูทางเข้า เราก็เลี้ยวเข้าไปจอดข้างประตู เชิญผู้ร่วมผจญภัยลงจากรถแล้วให้น้องชายไปถามหาที่จอดรถจากคนข้างใน เขาบอกให้จอดเลยจากเครื่องบินไป กว่าจะเข้าพิพิธภัณฑ์ไปได้ต้องถอยจอดหลายครั้งเพราะจอดแล้วรถที่จอดด้านในถอยออกไม่ได้ เราต้องขับเข้าๆออกๆเปิดทางให้รถออก อยากจะหงุดหงิดแต่ก็ขี้เกียจ (คิดดูเหนื่อยขนาดไหน!) เดินผ่านประตูเข้าไปมีโต๊ะลงทะเบียนอยู่ซ้ายมือ ไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู พวกเราแยกย้ายไปเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มเดินสำรวจสถานที่กัน เฮ้อ!

ขอเรียกว่า "รถเก๋งแถว" ชอบมากจ้ะ
เบาะหนัง 12 ที่นั่ง กว้างขวาง น่านั่ง
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ
แบตตารี่มือถือหมดจึงไม่ได้ถ่ายรูป (ก่อนกลับน้องสาวให้ยืมมือถือถ่ายรูปเก็บไว้บ้าง เดี๋ยวไม่มีหลักฐานประกอบการบ่น) เดินดูไปเรื่อยๆ ส่วนแรกที่เดินไปดูเป็นที่เก็บจักรยาน จักรยานไฟฟ้า จักรยานยนต์ สามล้อ รถเด็กเล่น เก่าดีจ้ะ ฝุ่นบานเลย จอดเรียงอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ไม่มีประวัติให้อ่าน ใครเป็นภูมิแพ้ฝุ่นไม่ควรเข้าไปดู
รถยนต์รุ่นเก่าจอดอยู่ถัดจากที่ลงทะเบียน  หลายคันเป็นรุ่น 40 กว่าปีมาแล้ว ยังพอจำได้ว่าเคยเห็นตอนเป็นนักเรียนประถมต้น
          เดินมาอีกข้างเป็นเหมือนโรงจอดเครื่องบิน ขนาดกว้างขวาง หลังคาสูง มีรถน่ารักๆ สีสดสะดุดตาจอดไว้เพียบ ก่อนเดินเข้าไปจะเห็นรถเก๋งสีน้ำเงินขนาดยาวมากจอดสะอาดเอี่ยมเตะตาจนต้องเข้าไปดูโดยใกล้ชิด
           จากนั้นเดินเข้าไปดูรถเก๋งเก่าแต่รักษาสภาพไว้สวยงามมาก ดูยากนิดนึงเพราะรถจอดชิดกันมาก ได้แต่ดูหน้ารถผ่านๆ ไม่กล้าเดินเบียดรถเข้าไปดูรอบๆคัน
กลุ่มรถบรรทุกเล็ก(จริงๆ)
กลุ่มรถ 3 ล้อ สีสันสดใส (2 ล้ออยู่ข้างหน้า 1 ล้ออยู่ข้างหลัง)
         เดินดูเพลินๆดี รถรุ่นเก่าเราเองก็ยังไม่เกิด มีหลากหลายคัน บางคันใหญ่มหึมา บางคันเล็กกระจิ๋วหลิว ถ้าเอากลับมาใช้ได้ในปัจจุบัน คงเป็นสีสันให้กรุงเทพฯน่าดู
ว่างๆก็น่าไปดูเล่นนะ แต่ตรวจสอบเส้นทางก่อนนะ จะได้ไม่เสียเวลาหลงทางให้เสียอารมณ์หรือชอบผจญภัยก็เตรียมน้ำกับขนมไว้ก็สบายใจดี ไม่มีเซ็ง (เผื่อใครบ่นก็แจกขนมปิดปากเลย หุ! หุ!)

Cr ภาพโดยวาสนาและวีนัส วงศ์ชัยประเสริฐ

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เจอยู่ที่ใจ

พาเที่ยว 2 วัดแล้วชักเหนื่อย พักสักหน่อยดีกว่า คราวนี้รับเทศกาลเจเลย

     ปกติเมื่อถึงเทศกาลกินเจ เราจะไม่ค่อยสนใจ รับประทานทุกอย่างตามสะดวก อีกอย่างอาหารเจราคาแพงแถมไม่อร่อย เราจึงไม่ส่งเสริมเป็นการส่วนตัว เราชอบอาหารมังสวิรัติมากกว่า สะดวก หารับประทานง่าย
     ปีที่แล้ว 2556 เราก็ปฎิบัติตนเหมือนเดิมคือไม่รับอาหารเจ แต่อยากแวะพักเหนื่อยก่อนเข้าบ้านสักหน่อย จึงแวะเมกา บางนา นั่งหน้าร้านรับลมธรรมชาติเหมือนเดิม

Cr ภาพและเรื่อง โดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

     ร้านนี้ขายกาแฟและอาหารอร่อย แต่คุณภาพแต่ละสาขาไม่สม่ำเสมอ (ที่เซ็นทรัลบางนา เราเลิกอุดหนุนไปแล้ว) ที่นี่รสชาติอาหารยังดีอยู่แต่ตามพนักงานยากหน่อย เพราะอยู่กันแต่ในร้านติดแอร์ ไม่ค่อยสนใจลูกค้านั่งโต๊ะหน้าร้าน
       เราสั่งอาหารและเครื่องดื่มหมักในถังเสร็จก็บอกพนักงานให้เก็บธงเจบนโต๊ะออกไปด้วย เธอยิ้มรับแต่ไม่หยิบธงไปด้วย เราก็ไม่ว่าอะไร เธอส่งเครื่องดื่มมาให้ก่อนเราก็บอกให้เก็บธงไปก็แสดงอาการรับทราบเหมือนเดิม เราสั่งน้ำหมักเพิ่มอีกขวดให้เอามาพร้อมอาหารเพราะรู้ว่าถ้าสั่งทีหลังจะไม่ได้สั่ง เนื่องจากถูกพนักงานทอดทิ้ง
     เมื่อได้อาหารครบตามสั่งจึงได้ถ่ายรูปตลกๆ สนองเทศกาลเจมาให้ดูกัน ห้ามเลียนแบบเพราะอาจมีบางท่านตั้งใจ(หวิวๆ)ว่าจะกินเจแล้วเผอิญมาเห็นรูปนี้เข้า จะนำไปอ้างได้ว่าก็ปักธงเจแล้วแสดงว่าเป็นอาหารเจก็ต้องกินได้ซิ อิ!อิ!

     นิทานพักเหนื่อยเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เจอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่ธงเหลืองและถ้าไม่ใช่คนใจเย็นก็ไม่ควรจะไปนั่งที่ทิศ(พนักงาน)ทอดทิ้ง เพราะจะถูกทดสอบอารมณ์โดยใช่เหตุ


วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วัดพุทไธศวรรย์ อยุธยา


เราเที่ยวอยุธยามาร่วม 30 ปี แต่ไม่เคยไปเที่ยววัดพุทไธศวรรย์เลย เหลือเชื่อจริงๆ (เคยได้ยินชื่อสำนักดาบพุทไธศวรรย์ จากการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ก็รู้ว่าเป็นเหมือนโรงเรียนฝึกหัดทหาร ฝึกอาวุธ ศิลปการต่อสู้ต่างๆ ถ้าใครได้มาเรียนที่นี่ก็มีแต่คนนับถือ ไม่กล้าตอแยด้วย) 

                       เมื่อสัก 7 ปีก่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวโดยพี่สาวพาไป ปรากฎว่าต้องข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปอีกฝั่งหนึ่ง วัดพุทไธศวรรย์อยู่ริมแม่น้ำ แต่ต้องขับรถเข้าตามซอยลึกเอาการ (เราขับไปตามป้ายบอกทาง) 
          ไปครั้งแรกไม่ได้เรื่องอะไร พี่สาวอยากให้ไปดูดวงและไหว้ท่านพ่อจตุคามรามเทพ
พระประธาน
 แต่โชคดีได้กราบพระประธานชื่อหลวงพ่อยิ้ม ในโบสถ์เก่าแก่ (แถมยังไปปล่อยไก่ โดยไปตีฆ้องโบราณหน้าโบสถ์ 3 ครั้ง มารู้ภายหลังว่า ต้องอธิษฐานแล้วใช้มือลูบฆ้อง ถ้าสำเร็จจะมีเสียงฆ้องกังวาลออกมา)                                                                                                       ไปครั้งที่ 2 ไปถวายสังฆทานท่านเจ้าอาวาสแล้วกลับ                       ไปครั้งที่ 3 กราบหลวงพ่อยิ้มในโบสถ์แล้วออกมาทางหน้าวัด เดินดูรูปปั้นกษัตริย์ที่เขาปั้นใหม่ที่ท่าน้ำ พอกลับขึ้นรถน้องสาวเล่าให้ฟังว่า เดินเลยโบสถ์เข้าไปเขตวัดเก่า มีอะไรๆน่าดูอีกมาก ได้ไปกราบพระพุทธไสยาสน์และยังมีพระปรางค์สวยมาก มีกุฎิเก่าและวิหารราย น่าประทับใจ แต่เราไม่ได้ย้อนกลับไปดู

Cr ภาพโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ
ไปครั้งที่ 4 ด้วยความตั้งใจอย่างสูงว่าต้องเข้าไปดูภายในเขตวัดเก่าให้ได้ และก็ทำได้สำเร็จ  

ปรางค์ประธาน
วิหารราย
ยืนในเขตวัดเก่า(วิหารราย)แล้วมองออกไปที่เขตวัดปัจจุบัน มีความรู้สึกเหมือนอยู่คนละมิติเวลา

                          


      ไม่ผิดหวังจริงๆที่ตั้งใจมา ภายในบริเวณวัดเก่าเงียบสงบราวกับอยู่่กันคนละโลก ยิ่งตอนไปยืนถ่ายรูปผ่านประตูจากวิหารรายสู่โลกปัจจุบัน เหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ เราได้แสดงรูปถ่ายให้ดูแต่รูปถ่ายไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบที่เล่าให้ฟัง ต้องไปยืนดูที่ประตูนั้นเอง

Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

รีบไปเยี่ยมชมกันหน่อยนะ เพราะครั้งสุดท้ายที่ไปกำลังมีการก่อสร้างอาคารใหม่เพิ่มอีก (ด้านติดถนน) กุฎิพระพุทธโฆษาจารย์ไม่ได้เปิดให้ชม (แต่เราไปชะโงกหน้าดูตรงประตูหน้าต่างชั้นล่างเอง ค่อนข้างมืดจึงไม่ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก)



                   ไปดูวัดเก่าแก่ที่มิได้ถูกพม่าเผาทำลายตอนเสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 และยังเป็นพระอารามหลวงที่พระเจ้าอู่ทอง((พระรามาธิบดีที่ 1) ทรงสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่ประทับแห่งแรก ก่อนที่จะย้ายไปสร้างพระราชวังใหม่บริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ (ในปัจจุบัน)









วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา

เที่ยวย้อนรอย
            นึกไม่ถึงว่าจะมีโอกาสกลับไปเที่ยววัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดอยุธยา หลังจากผ่านไป 30 กว่าปี (อื้อ ฮือ! ประมาณแต่ปางก่อนเลย)  เพียงเพราะเบื่อที่จะไปไหว้พระ ดูวัดเดิมๆดังๆอยู่แค่ 3-4 วัด จึงเปลี่ยนเส้นทางใหม่ลองไปวัดที่เคยขับรถผ่านๆไป


           ตอนเลี้ยวรถเข้าบริเวณวัดก็รู้สึกถึงความสงบเงียบ เย็น สบายใจ ถามทุกคนที่ไปด้วยกันก็รู้สึกเหมือนกัน และชอบความรู้สึกนี้มาก
 
พระสยามเทวาธิราชและบทบูชา      
        บริเวณวัดประดู่ทรงธรรมเงียบมาก มีผู้มาเยือนน้อย พวกเราจึงเข้าไปที่โบสถ์ พบพระสยามเทวาธิราชตั้งอยู่ข้างหน้าระหว่างประตู 2 ข้าง เมื่อกราบบูชาแล้วจึงเข้าไปข้างในโบสถ์


พระประธาน
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

เห็นพระประธานเด่นเป็นสง่า มองรอบกำแพงโบสถ์แล้วอึ้งมาก ประทับใจกับความเก่าแก่ของภาพวาดบนผนังโบสถ์

ภาพวาดกระบวนเสด็จของกษัตริย์
ภาพวิถีชีวิตชาวบ้านชาวเมือง
            นั่งคิดอยู่นานว่าทำไมคุ้นตาจัง จึงกราบเรียนถามพระภิกษุที่นั่งอยู่ในโบสถ์ว่าทำไมวัดเงียบดีจัง เข้ามาแล้วสงบใจ ไม่เหมือนไปวัดดังอื่นๆ ท่านเมตตาตอบว่า เป็นเพราะท่านเจ้าอาวาสไม่ต้องการทำพุทธพานิชย์  จึงรักษาสภาพวัดไว้ได้ดังเดิม เราเล่าให้ท่านฟังว่ารู้สึกคุุ้นมาก ตอนนี้นึกออกแล้ว เราเคยมาเมื่อ 30 กว่าปีก่อนตอนเรียนมัธยมต้น นั่งรถไฟมาเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วจ้างรถสองแถวพาเที่ยว ปัจจุบันถนนหนทางเปลี่ยนไปหมดจำอะไรไม่ได้เลย
            เราขออนุญาตท่านถ่ายรูปในโบสถ์ ท่านยังแนะนำให้ไปชมพระปรางค์บรรจุพระบรมอัฐิของพระเจ้าอุทุมพรด้วย


วัดประดู่ทรงธรรมยังคงความสงบร่มเย็น สมเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน ถ้ามีโอกาสควรไปนมัสการและเยี่ยมชมความเก่าแก่ที่คงความขลังไว้ได้อย่างท้าทายกาลเวลา


Cr ภาพโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ