วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

เล่าข่าวโหดจากอดีต - 1873

ข่าวโหดที่อ่านแล้วเย็นสันหลังวาบสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องพักค้างอ้างแรมในที่พักเปลี่ยวๆเมื่อเดินทางไกล

พาดหัวข่าว " German Family Robbed, Raped and Slew Wayfarers " ครอบครัวคนเยอรมันปล้นข่มขืนฆ่าคนเดินทาง
โรงแรม The Benders ที่ผู้เดินทางถูกฆาตกรรมไปกว่า 20 คนและทรัพย์สินมูลค่าหลายพันดอลล่าร์ถูกขโมยไป 

คดีโหดนี้เกิดที่รัฐแคนซัส ในโรงแรมโดดเดี่ยวที่น่าจะเรียกว่า กระต๊อบ มากกว่า ตั้งอยู่ในทุ่งแพรรี่ใกล้หุบเขา Cherryvale โรงแรมนี้ใช้ม่านผ้าใบเนื้อหยาบกั้นแบ่งห้องส่วนหน้าแยกห้องนอนห้องอาหารสกปรกให้อยู่ทางด้านหลัง ผู้มาพักจะถูกจัดให้นั่งกินอาหารบนม้านั่งยาวและหันหลังให้ผ้าม่าน
ถ้าลูกค้าเป็นคนแปลกหน้าเดินทางสู่ตะวันตก ลูกสาววัยรุ่นของนายโจฮันน์ เบนเดอร์ส ชื่อ เคท จะเข้าไปชวนพูดคุยแล้วจู่ๆก็จะร้องขึ้นว่า " เอาเลย! " เสียงร้องนี้เป็นสัญญาณให้คนพ่อหรือพี่ชายเหวี่ยงค้อนใส่ม่านซัดกระโหลกลูกค้าจนแตกตาย จากนั้นสาวเคทก็ร่วมมือกับครอบครัวน่าขยะแขยงของหล่อน ช่วยกันลากศพลงไปในหลุมหลบพายุทอร์นาโดใต้ตัวอาคาร อันเป็นที่ปล้นลอกคราบศพ
เมื่อ 3 ปีก่อน พวก Benders เอาศพเหยื่อไปทิ้งในทุ่งแพรรี่เอาดื้อๆ แต่พอมีกฏหมายห้ามทิ้งทรากวัวควายโดยไม่กลบฝังแล้ว ถ้ามีกลุ่มนกแร้งมารวมตัวกันก็จะกลายเป็นภาพที่ผิดปกติ พวก Benders จึงฝังศพไว้รอบโรงแรมแทน
ปีนี้ 1873 อดีตนายพันเอกกองทัพบก ทหารพราน ได้ออกติดตามหาน้องชายที่หายตัวไประหว่างการเดินทาง ครอบครัวอำมหิตนี้ทำให้ผู้พันหมดข้อสงสัยได้  แต่พวกเขาเองกลับตกใจกลัวและหลบหนีไป การหายตัวไปของทั้งครอบครัวทำให้คนของผู้พันขุดค้นหาในที่ดินและภายในหลุมหลบพายุพบศพของคุณหมอผู้เป็นน้องชายผู้พันและลูกสาวแสนสวยตัวน้อย เธอถูกสองพ่อลูกชายข่มขืนก่อนถูกจับโยนลงหลุมศพเดียวกับพ่อทั้งที่ยังมีชีวิต นอกจากนี้ยังขุดพบศพอีก 9 ศพในหลุมนรกนั้น
กลุ่มคนของผู้พันรีบขี่ม้าติดตามครอบครัวปิศาจนี้ไปแต่แจ้งว่าตามไม่พบ
อย่างไรก็ตามเชื่อกันว่ากองทหารพรานที่เก่งที่สุดของภาคตะวันตกเฉียงใต้ตามจับพวกชั่วร้ายกลุ่มนี้ได้แล้วและจัดการสำเร็จโทษพวกอำมหิตในทันทีและอำพรางศพไว้

หมายเหตุ: เรื่องที่พักอันตรายนี้จำได้ว่า Hollywood เอาไปเขียนบทเพิ่มเติมให้สยดสยองยิ่งขึ้นและสร้างภาพยนต์ใช้ theme เรื่องนี้ออกมาอีกหลายเรื่องเลย

Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

เล่าข่าวโหดจากอดีต - 1908

เราซื้อหนังสือ " The Chronicle of Crime " by Martin Fido จากอังกฤษ เป็นหนังสือรวมบันทึกข่าวอาชญากรรมในอดีตตั้งแต่ปี 1800-2002 หลายๆข่าวอ่านแล้วทำให้รู้ทันทีว่าเป็นที่มาของหนังสือและภาพยนต์แนวสืบสวนและสยองขวัญในเวลาต่อมา
     
          เรื่องแรกที่นำมาแปลสู่กันอ่านคือเรื่อง " แม่ม่ายดำ"- 1908 (พาดหัวข่าวว่า "Widow Advertised for Husbands-Killed Forty") เราพยายามถ่ายรูปให้ชัดที่สุดแล้ว เผื่อใครอยากจะขยายภาพอ่านข่าวโดยละเอียด

 "Widow Advertised for Husbands-Killed Forty"
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

       " แม่ม่ายลงประกาศหาผู้มาเป็นสามี-ฆ่าไปแล้ว 40 คน " ต้นเหตุเกิดจากเหตุไฟไหม้ฟาร์มแท้ๆแล้วมีผู้รอดชีวิต 1 คนเป็นลูกจ้างในฟาร์ม เด็กๆ 4 คนตายอยู่ในห้องใต้ถุนและมีศพไร้ศีรษะ 1 ศพ คาดว่าเป็น Mrs. Belle Gunness เจ้าของฟาร์ม เพราะมีฟันปลอมของเธอตกอยู่ใกล้ๆศพ  เมื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจ ก็ต้องถูกสอบสวนเป็นธรรมดา หลังถูกควบคุมตัวลูกจ้างนายนี้ก็บอกให้ตำรวจไปขุดรอบๆเล้าหมูของ Mrs. Belle Gunness
       ตำรวจขุดพบศพชาย 14 ศพ ซึ่งลูกจ้างบอกว่าแม่ม่ายเจ้าของฟาร์มฆ่าคนไปราวๆ 42 คนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งฆ่าลูกสาวบุญธรรมอายุ 14 ปีของเธอเองด้วย เพราะไปเล่าให้ผู้ดูแลฟังเมื่อปี 1904 ว่าเห็นแม่เอามีดปังตอทุบสมองพ่อ แต่ทาง Mrs. Belle Gunness เล่าไปอีกทางว่า เครื่องบดเนื้อตกจากชั้นวางของใส่ศีรษะของสามี
       แม่ม่ายสามีตายลงประกาศหาคู่ครองมาช่วยทำงานหาเงินเพื่อใช้หนี้เงินกู้ซื้อฟาร์ม ผู้ชายที่สนใจก็นำทรัพย์สินของตัวเองมาเกี่ยวดองด้วย แม่ม่ายดำไม่รอช้าจัดการกำจัดบรรดาสามีใหม่ทันที ทั้งวางยาในกาแฟ ทั้งมอมยาสลบแล้วจบชีวิตให้ด้วยมีดปังตอ
       ไม่นานก็เกิดเรื่องมีน้องชายคู่ครองคนหนึ่งมาตามหาพี่ชายที่หายไป เธอตกใจกลัวมาก รีบเขียนพินัยกรรมและชำระเงินกู้ จากนั้นก็เกิดไฟไหม้ขึ้น
        แม่ม่ายอ้วนตุ๊ นิสัยดุร้าย หน้าตามอมแมมจะตายในกองไฟจริงล่ะหรือ? ร่างไร้ศีรษะที่ถูกเผาไหม้ พบเพียงฟันปลอมวางอยู่ใกล้ๆ มีขนาดส่วนสูงเตี้ยกว่า Mrs. Belle Gunness ประมาณ 5 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 50 ปอนด์เท่านั้น และไม่ได้ตายเพราะถูกไฟคลอกแต่ถูกวางยาพิษ
        เข้าใจว่าเธอคงไปล่อลวงผู้หญิงจรจัดให้เข้ามาในบ้านแล้วฆ่าเสีย เพื่อปกปิดการหลบหนีของตัวเองและหนีไปครอบครองทรัพย์สมบัติอยู่่ที่ไหนสักแห่งในเวลานี้
        
        เป็นเรื่องราวการฆ่าชิงทรัพย์เพื่อความอยู่รอดของตัวเองนั้นแหละ แต่ฆ่าคนตายมากจนน่าแปลกใจที่ไม่มีใครสงสัยว่า ทำไมเธอลงประกาศหาคู่ครองบ่อยจัง? 

สวัสดีปี 2558 ตอน: จัดตู้หนังสือใหม่


           ย้ายบ้านมาประมาณ 5 ปี สะสมหนังสือชุดใหม่ไว้เพียบเลย ไม่ซื้อตู้หนังสือใหม่เพิ่ม(เพราะไม่รู้จะเอาไปวางไว้ไหน) จึงต้องเก็บวางอัดหนังสือไว้ตามลิ้นชักต่างๆ ชั้นวางของก็เอาวางหนังสือแทน ตู้เก็บของก็ส่งหนังสือเข้าไปอยู่ด้วย ตู้วางโทรทัศน์ก็มีแต่หนังสือวางซับวางซ้อนจนจำไม่ได้ว่า ซื้อหนังสืออะไรมาบ้าง? อ่านค้างไว้กี่เล่ม? และที่คาดว่าจะอ่านซ้ำอีกเท่าไหร่?
           ไหนๆจะซื้อตู้เตียงใหม่แล้ว ก็ซื้อตู้หนังสือไปด้วยเลย จะได้จัดระเบียบหนังสือใหม่สักที (สงสารหนังสือดีๆไปกองสุมซุกซ่อนเอาไว้ทำไม?) เวลาหาข้อมูลอ้างอิงทำงานจะได้หาง่าย

ทำความสะอาดหนังสือก่อนเรียงเข้าตู้
หนังสือบางเล่มที่อ่านค้างไว้แล้วหาไม่เจอ
ตอนรื้อหนังสือออกมาวางกองรวมกันไว้นี่นะ ทั้งดีใจและเศร้าใจมาก ที่ดีใจมากเพราะเจอหนังสือที่ซื้อไว้แล้วไม่ได้อ่านและอ่านยังไม่จบ ส่วนที่เศร้าใจก็คือหนังสือถูกฝุ่นเกาะกัดติดเล่ม ปัดไม่ออก เช็ดไม่ออก ดูดฝุ่นก็ไม่ออก กลายเป็นหนังสือเก่าไปเลย ที่เด็ดสุดคือไปเจอหนังสือที่ซื้อจากลอนดอนอีกหลายเล่ม (แต่ตัวเองดันลืมเสียได้)
หนังสือเกี่ยวกับอาชญากรรมและอาชญากร
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ
            หนังสือจากลอนดอนชุดนี้ซื้อเพราะข้อมูลและเนื้อหาน่าสนใจมาก เป็นเรื่องวิเคราะห์อาชญากร การคาดเดาบุคลิกลักษณะของผู้ต้องหา(Cracker) และรวมเรื่องราวคดีดังที่จับคนร้ายได้ เล่มที่ชอบที่สุดคือ " The Chronicle of Crime " เป็นการรวบรวมข่าวอาชญากรรมตั้งแต่ปี ค.ศ.1800-2002 ข่าวหลายเรื่องถูกนำมาเขียนเป็นเรื่องสั้นแนวสยองขวัญและนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ เอาไว้ว่างแล้วจะคัดแปลมาให้อ่านสัก 2-3 เรื่อง พอเป็นแนวให้รู้ว่ามีหนังสือและภาพยนต์ที่ใช้ Theme เรื่องจากข่าวอาชญากรรมย้อนอดีตเหล่านี้จริงๆ

Cr ภาพโดยวาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

สวัสดีปี 2558 ตอน: จัดห้องนอนใหม่


          ปลายปี 2557 ตั้งใจว่าจะซื้อของขวัญให้ตัวเองสักหน่อย วางแผนมาหลายเดือนแล้วแต่ยังรีๆรอๆอยู่ (เพราะอยู่ระหว่างการซ่อมแซมและต่อเติมบ้าน งบบานปลายเกือบแสน) ไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่ห้างฯ 4 แห่งไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ไม่ถูกใจสักที จนวันคริสต์มาสไปอีกครั้งเพื่อสั่งซื้อเสียที (ไม่งั้นอดซื้อแน่นอน) ก็ยังลังเล ขอเดินดูพินิจพิจารณาอีกเกือบ 2 ชั่วโมง แค่ซื้อตู้เสื้อผ้ากับเตียงใหม่แค่เนี้ย สุดท้ายตัดสินใจซื้อแยกชิ้น ไม่ซื้อเป็นชุดตามที่เขาจัดไว้ให้เลือก(ราคา joy price) พนักงานช่วยเหลือดีมาก เห็นเราเหนื่อยแล้วจึงแนะนำให้ไปหาแผนกออกแบบ เพื่อหาตู้เสื้อผ้าให้เหมาะกับห้องนอนและความต้องการของเรา อีกทั้งยังลองดูว่าเตียงที่เราเลือกซื้อนั้นเหมาะกับห้องหรือเปล่า เราอยากได้ตู้หนังสือใหม่ด้วย น้องคนที่วางแบบให้ก็น่ารัก ช่วยออกแบบให้ทันทีและหาตู้เสื้อผ้า 3 บานให้ตามที่ต้องการ
ห้องนอนที่ใส่เฟอร์นิเจอร์ตามที่คนออกแบบหาให้

       จากนั้นพนักงานขายก็พาเราไปดูตู้เสื้อผ้า และตู้หนังสือของจริงตามที่วางแบบไว้ เราตกลงซื้อเลยเพราะหาจนเบื่อและเหนื่อยแล้ว นั่งรอจ่ายเงินอยู่พักใหญ่ ชักเอะใจ เจอมารผจญอีกหรือเปล่า? พนักงานมาบอกว่าไม่มีสีตู้ที่ต้องการ เราต้องไปเดินดูแบบสีที่มีอยู่ว่าใช้ได้ไหม เดินดูเปรียบเทียบอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ตัดใจเลือกตู้สีขาว  เตียงสีเทา ตู้หนังสือสี light brown
        วันนั้นออกจากบ้านบ่าย 2 โมง กลับเข้าบ้านทุ่มกว่า นี่ถ้าไม่คิดมากเลือกเฟอร์นิเจอร์ชุดตามที่ทางห้างฯจัดไว้ให้เลือกออกมากมาย ก็เสร็จไปนานแล้ว แต่เราคงจะหงุดหงิดไปอีกหลายปีเลยเพราะซื้อของไม่ถูกใจแต่ถูกเงิน
          ซื้อของขวัญให้ตัวเองคราวนี้เหมือนถูกทดสอบอารมณ์และสติ ความอยากได้กับเหตุผล ประเมินตัวเองว่าสอบผ่านแค่ 70% ส่วนความช่างสังเกตรายละเอียดสินค้าสอบตกสนิท 

หมายเหตุ เราไม่ได้จัดห้องตามที่วางแบบไว้หรอก เพราะตู้เสื้อผ้าสูงมาก (ตอนซื้อลืมมองความสูงของตู้) วางไว้ข้างแอร์ไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือ เราไม่เลือกชุดห้องนอนที่ห้างฯเขาจัด set ไว้ เพราะคิดทบทวนข้อดีข้อเสียแล้ว ถ้ามัวแต่เสียดายราคา joy price และตู้เตี้ย 3 ลิ้นชักที่เขาจัดชุดให้ เราต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 15,000 บาท เพื่อซื้อฟูกและชุดผ้าปูเตียง ผ้ารอง ผ้านวม ปลอกผ้านวม ฯลฯ เพราะชุดห้องนอนที่เขาจัดให้มีแต่เตียงใหญ่ (เราชอบเตียงเล็ก เพื่อให้ห้องนอนมีพื้นที่กว้าง)  อีกอย่างฟูกเก่าของเรารับประกันตั้ง 10 ปี ยังใช้ไม่ถึงเลย สภาพยังดีอยู่มากๆ (สมกับราคาสูง)
   
Cr ภาพและเรื่องโดยวาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ