ได้ข่าวจากเพื่อนนักเรียนเก่าว่า คุณพ่อของเพื่อนเสียเมื่อ 12 มกราคม 2560 พวกเพื่อนๆจึงนัดกันไปงานศพของท่านในวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม ที่วัดเก่าแก่หนึ่ง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
(วัดนี้เป็นวัดใหญ่สวยงามดี แต่มีสิ่งปลูกสร้างเต็มพื้นที่วัด แทบไม่เหลือต้นไม้ให้อาศัยร่มเงาเลย ที่จอดรถมีบ้างเล็กน้อย)
เราอาศัยดูที่ตั้งวัดจากแผนที่กูเกิลและนัดกับเพื่อนว่าจะไปถึงวัดประมาณ 5-6 โมงเย็น แต่ให้เจอกันก่อนที่ห้างเปิดใหม่ที่อยู่หน้าวัด เราก็ตกลงแต่ออกตัวก่อนว่าอย่าไปเร็วนักนะ เดี๋ยวเจ้าภาพงานศพยังไม่มา พวกเราจะวังเวงเสียเปล่าๆ
ประมาณ 4 โมงเย็นกว่าๆ เราก็ขับรถออกจากบ้าน ไม่ได้ขับเร็วเพราะกลัวไปถึงวัดเร็วเกินไป (ตามที่บอก) ปรากฎว่า รถไม่ติดเลย เราก็ขับเอื่อยเฉี่อยค่อยๆมองหาทางเข้าวัดตามที่เพื่อนและกูเกิลบอก เลี้ยวเข้าถนนซอยขับผ่านห้างใหม่ใหญ่โตเหลือขนาด เลี้ยวขวาตรงทางแยกนิดเดียวถึงประตูวัดแล้ว เราเลี้ยวซ้ายเข้าประตูวัดและขับชิดซ้ายพลางชะลอรถมองหาศาลาตั้งศพ เห็นแต่สิ่งปลูกสร้างใหม่ๆใหญ่ๆเต็มไปหมด หาที่จอดรถไม่เ่จอ จึงตัดสินใจเลี้ยวขวาไปทางหมู่ตึก ริมทางซ้ายมือมีพระและฆราวาสกำลังเทปูนอยู่ จึงจอดรถถามทางไปศาลาตั้งศพ ช่างบอกให้ขับตรงไปแล้วเลี้ยวขวาก็ถึงแล้ว เรายกมือไหว้ขอบคุณ(ไม่ได้สนใจว่าช่างจะอายุน้อยหรือมาก)
เราขับรถตรงไปช้าๆ เพราะทางแคบ เจอทางแยกก็มองซ้ายขวาแล้วเลี้ยวขวา เนื่องจากตรงต่อไปไม่ได้ (มองไม่เห็นใครผ่านมาให้ถามเลย) เราขับไปตามทาง มองไปข้างหน้าคล้ายทางตัน แต่มีประตูทางเข้ามองเห็นเมรุเผาศพ (ตอนนั้นยังนึกไม่ออกว่ากำลังเห็นอะไรอยู่)
เราหยุดรถหน้าประตูด้วยความลังเลว่าจะไปต่อดีไหม เพราะ...
2.เห็นชายชราผมขาวโพลนในชุดสีดำสนิท นั่งอยู่ที่ขั้นบันไดตรงกลางทางขึ้นเมรุอยู่คนเดียว มองเป๋งมาที่รถเรา (รู้สึกว่าแปลกๆ แต่ยังคิดไม่ทันว่าทำไม?... เราคิดแต่ว่าคุณลุงไปนั่งตรงนั้นทำไม? (...มันใช่ที่ควรจะนั่งหรือ? )
![]() |
ตอนสวดศพเสร็จงานแล้วถึงเห็นป้าย "เมรุฌาปนกิจศพ" |
นั่งมองกันสักพัก เราก็ขับรถผ่านประตูเข้าไปแล้วหยุดมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าขวามือเป็นศาลาตั้งศพ เราจึงกลับรถบริเวณหน้าเมรุนั้นเลย มองไม่เห็นคุณลุงแล้วแต่ศาลาซ้ายมือมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดไว้ข้างศาลา เราใจชื้นแต่ยังไม่ไว้ใจก็รีบขับรถออกมาจอดที่ลานจอดรถ มีรถแค่ 2 คัน เรารออยู่สักพักก็โทรศัพท์ตามเพื่อนดีกว่า มันชักจะยังไงๆแล้ว(ไม่ได้กลัวผีแต่รู้สึกว่านั่งอยู่คนเดียว ฟังเสียงลมพัดใบไม้ซู่ซ่า รู้สึกวังเวงนะ) เพื่อนบอกไปเจอกันที่ห้างใหม่ เพราะพวกเขาเพิ่งมาถึงที่ห้าง เพื่อจะกินข้าวกันก่อน เราก็ขับรถแน่บออกไปเลย ใช้เวลาแค่ 2-3 นาทีจากลานวัดสู่ลานจอดรถของห้างได้
พอเจอเพื่อนๆก็โล่งอก เราบ่นว่านึกไม่ถึงว่าจากบ้านเรามาวัดนี้จะเร็วมาก รถไม่ติดเลย เราจึงเข้าไปสำรวจวัดก่อนใคร ถึงรู้ว่ามีที่จอดรถน้อยมาก จากนั้นพวกเราก็เดินเรื่อยเปื่อยไปหาข้าวกิน เราปวดฉี่ (สงสัยอั้นมาจากเหตุการณ์ตื่นเต้นในวัด อิ อิ) ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 1 ก่อนไปกินข้าวชั้น 5
![]() |
ปากทางเข้าห้องน้ำที่ ชั้น 1 |
จากปากทางมองเข้าไปเป็นทางแคบๆ ลึกประมาณ 10 เมตร เราก็เดินเข้าไปคนเดียว จากนั้นเลี้ยวหักศอกซ้ายมองไปเป็นทางยาวไกลมาก เราชักใจไม่ดี เพราะมีเราคนเดียวเดินไป แต่ก็ปวดฉี่เหลือใจ เอาวะ! เดินอีกสัก 20-30 เมตร คงจะถึงห้องน้ำแล้ว พอเดินไปใกล้จะถึงมุมเลี้ยวหักศอกขวา ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดคุยแว่วๆมาก็ดีใจ พอเลี้ยวขวาเห็นหนทางอีกไกลมากๆก็ชะงัก อะไรวะ! ทำไมห้องน้ำสร้างไว้ไกลมากขนาดนี้ เรามาถูกทางหรือเปล่า กลุ่มวัยรุ่นที่เดินสวนทางมาเห็นเรายืนลังเลอยู่ ก็พูดว่า " พี่มาถูกทางแล้วค่ะ เมื่อกี๊หนูก็มีคำถามเหมือนกัน " เราหัวเราะแล้วก็ตอบขอบคุณไป
![]() |
ทางเดินนี้สัก 20-30 เมตรน่าจะได้ |
![]() |
เลี้ยวขวาอีกประมาณ 30 เมตร มีประตูลิฟท์อยู่ขวามือ (ถ่ายรูปย้อนทาง) |
![]() |
ผ่านหน้าลิฟท์มาสุดทางแล้วเลี้ยวขวาอีก ประมาณ 10 เมตร |
![]() |
ถึงหลักชัยค่ะ! |
งานหาห้องน้ำคราวนี้ได้ความตื่นเต้นพอๆกับเข้าวัดไปหาศาลาจัดงานศพเลย เร้าใจสุดๆ มีเราอยู่คนเดียว จะเข้าห้องน้ำก็กลัวถูกจี้ ลองชะโงกหน้าดูเห็นมีแม่บ้านยืนเช็ดอ่างล้างมือ เราจึงสมใจได้เข้าห้องน้ำไประบายความอัดอั้นเสียที...
ยังค่ะ ยัง เรื่องไปงานศพคราวนี้ยังไม่จบง่ายๆ ยังมีต่อ...
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น