พวกเราขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน ประมาณทุ่มเศษๆ อากาศเริ่มเย็นมากมีลมพัดตลอดเวลา ผู้คนเดินขวักไขว่ ไหว้พระธาตุฯแล้ว ก็เริ่มสำรวจบริเวณและเก็บภาพมาฝาก สักเกือบ 3 ทุ่มจึงเดินกลับ ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปอีกหน่อย
มีห้องกระจกอยู่ริมทางลงเปิดไฟสว่างจึงแวะเข้าไปดู เห็นรูปปั้นร่างผู้หญิงนอนอยู่่ และชาวพม่าก็เดินเข้าไปไหว้และเอามือแตะร่างรูปปั้น
ไกด์อธิบายให้ฟังว่าเป็นร่างของสตรีในตำนานที่อธิษฐานให้ร่างตัวเองกลายเป็นหิน เรื่องมีอยู่ว่า ความเชื่อของคนโบราณคือ ในคืนวันแต่งงานต้องให้เจ้าสาวไปนอนกับเทวดา (ที่เป็นคน- นึกไม่ออกว่าเป็นใครหรือเป็นอะไรกันแน่) ก่อน มิฉะนั้นจะโดนเทวดาสาปให้ตาย สตรีคนนี้เกิดในดอกบัว ฤาษีเก็บไปเลี้ยงและอธิษฐานให้มีน้ำนมไหลออกจากนิ้วของท่าน เพื่อให้เด็กดูดกิน ท่านเลี้ยงมาจนโตแล้ว จึงให้คนในหมู่บ้านรับเลี้ยงต่อ เพราะไม่เหมาะที่เด็กสาวจะอยู่กับท่านอีก กษัตริย์เสด็จผ่านมาพบจึงขอสตรีนี้ไปเป็นมเหสี โดยไม่ได้ถวายนางให้เทวดาในคืนแรกตามธรรมเนียม เมื่อเทวดาทราบก็จะมาเอาตัวไป พระมเหสีจึงหลบหนีไปแต่เทวดาก็ยังติดตามเพื่อจะฆ่าเสีย เมื่อหนีไม่พ้นพระนางจึงอธิษฐานขอให้ร่างกลายเป็นหินและอนุญาตให้แตะต้องร่างของพระนาง ผู้ใดเจ็บป่วยตรงไหนก็เอามือแตะร่างของพระนางตรงบริเวณที่ตัวเองเจ็บป่วย ขอให้หายดี ปวดหัวก็แตะหัว ปวดเข่าก็แตะเข่า...
![]() |
ประตูสิ้นสุดเขตวัด ลงบันไดไปจะเป็นตลาดนัด |
เล่าเรื่องอื่นต่อนะ... คราวนี้เรื่องความเป็นศิริมงคล เจริญรุ่งเรืองถ้าใครมีโอกาสมาไหว้พระธาตุอินทร์แขวนได้ครบ 3 ครั้งใน 1 ปี ไกด์เล่าว่า เมื่อคนไทยทราบเช่นนั้น ก็มีคนคิดวิธีรวบรัดขึ้นมา เราจะทำตามก็ได้ เพราะมีแต่คนไทยเท่านั้นที่ทำ คือ บางคนไหว้พระธาตุฯตอนเช้ามืดแล้วกลับไปนอนต่อ ตื่นมาก็ไปไหว้อีกถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วไปเที่ยวเล่นที่อื่นต่อค่อยกลับมาไหว้พระธาตุอีกเป็นครั้งที่ 3
สำหรับพวกเรามีเวลาน้อยเพราะต้องกลับแต่เช้า ไกด์จึงแนะนำอีกวิธีให้ คือ ไหว้ครั้งที่ 1 แล้วให้เดินลงบันไดทางไปตลาดนัด เพราะเป็นที่สิ้นสุดเขตวัดแล้วให้กลับขึ้นมาไหว้พระธาตุฯเป็นครั้งที่ 2 พรุ่งนี้เช้ามืดค่อยกลับมาไหว้เป็นครั้งที่ 3 ก็ขำๆกัน แต่ก็ทำตาม ไม่เสียหายอะไร ฮ่า ฮ่า
ไกด์พาไปกินข้าวเย็น แต่ 3 ทุ่มเข้าไปแล้วเราขอลาไปนอนดีกว่า ให้กินข้าวสวยกับกับข้าวหลายอย่าง หนักๆทั้งนั้น ข้าวสวยเย็นชืดมาก กับข้าวทำใหม่แต่ทำไมเย็นนักก็ไม่รู้ จะขอซดแกงจืดร้อนๆสักหน่อยก็ไม่ได้เรื่อง
นัดแนะตื่นตี 5 ไปใส่บาตรและไปไหว้พระธาตุเป็นครั้งที่ 3 !
ตี 5 ออกมารอกันหน้าโรงแรม มืดมาก มองอะไรไม่ค่อยถนัด มีเด็กเอาข้าวกับขนม(คล้ายๆของทอด มองไม่ชัด) ใส่ถุงมาขายถุงละ 20 บาท เราก็ซื้อใส่บาตรเลย เพราะเห็นว่ามีพระภิกษุ และฤาษี(บางองค์หาบกระบุง)เดินผ่านหน้าขึ้นไปทางพระธาตุฯแล้ว
![]() |
หน้าโรงแรมตอนเช้ามืด |
![]() |
ชาวพม่าที่มานอนค้างที่วัด เก็บข้าวของนั่งรอฟ้าสว่าง |
![]() |
ถ่ายรูปนี้ตอนขากลับจากนมัสการพระธาตุฯเสร็จแล้ว |
เมื่อขึ้นไปถึงลานพระธาตูฯ(ไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตูแล้ว) เราตามติดไปกับพี่สาว มองสำรวจบริเวณลานได้ถนัดขึ้น เพราะคนน้อยไม่หนาแน่นเหมือนตอนกลางคืน พี่สาวเจอทางลงไปลานชั้นล่างได้ (เมื่อคืนมองอะไรไม่เห็นเลย ไม่เห็นว่ามีลานชั้นล่างด้วย) จึงลงไปเดินถ่ายรูปโดยใกล้ชิดที่สุด
![]() |
ตอนเช้ามืดถึงได้มองเห็นจากลานริมรั้วหน้าพระธาตุฯ ว่ามีลานแคบๆ ต่ำลงไปอีก 1 ชั้น บันไดทางลงก็เล็กแคบต้องระวัง |
![]() |
พระธาตุอินทร์แขวนตอนเช้ามืด เขาเล่าว่า เมื่อก่อนก้อนหินที่รองรับพระธาตุฯนั้นลอยอยู่เหนือฐานรับ มากกว่านี้ มองลอดช่องเห็นอีกด้านถนัด ปัจจุบันคนทำชั่วมากขึ้น ก้อนหินนี้จึงทรุดต่ำลง |
![]() |
ลงบันไดไปลานชั้น 3 จะเจอลานกว้างขึ้น เดินไปตามลานจะเป็น ทางอ้อมไปอีกด้าน เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นพระธาตุฯ |
![]() |
ที่ลานชั้น 3 นี้สามารถเดินเข้าไปจนติดฐานรองรับองค์พระธาตุฯ |
![]() |
เวลาใกล้สว่าง |
![]() |
คนไปเดินถ่ายรูปสะดวกเพราะยังมีคนอื่นมาเดินน้อย |
![]() |
พระธาตุอินทร์แขวนมองจากลานระฆัง |
![]() |
ท่ารถขากลับประมาณ 8.30 น. คนเยอะแยะเต็มถนนไปหมด ทั้งคนเพิ่งมา และคนที่กำลังจะกลับลงไปเดินสวนกันแน่นขนัด |
![]() |
เก้าอี้หามผู้ที่เดินไปนมัสการพระธาตุไม่ไหว |
![]() |
ชาวพม่ารอคิวปีนขึ้นรถแน่น |
![]() |
รถบรรทุกเตรียมเลี้ยวขวา เพื่อลงเขา |
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ