วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

ไทยเที่ยวพม่า ตอน พระธาตุอินทร์แขวน ภาค2

ความเดิมตอนที่แล้ว
พวกเราขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน ประมาณทุ่มเศษๆ อากาศเริ่มเย็นมากมีลมพัดตลอดเวลา ผู้คนเดินขวักไขว่ ไหว้พระธาตุฯแล้ว ก็เริ่มสำรวจบริเวณและเก็บภาพมาฝาก สักเกือบ 3 ทุ่มจึงเดินกลับ ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปอีกหน่อย

มีห้องกระจกอยู่ริมทางลงเปิดไฟสว่างจึงแวะเข้าไปดู เห็นรูปปั้นร่างผู้หญิงนอนอยู่่ และชาวพม่าก็เดินเข้าไปไหว้และเอามือแตะร่างรูปปั้น



ไกด์อธิบายให้ฟังว่าเป็นร่างของสตรีในตำนานที่อธิษฐานให้ร่างตัวเองกลายเป็นหิน เรื่องมีอยู่ว่า ความเชื่อของคนโบราณคือ ในคืนวันแต่งงานต้องให้เจ้าสาวไปนอนกับเทวดา (ที่เป็นคน- นึกไม่ออกว่าเป็นใครหรือเป็นอะไรกันแน่) ก่อน มิฉะนั้นจะโดนเทวดาสาปให้ตาย สตรีคนนี้เกิดในดอกบัว ฤาษีเก็บไปเลี้ยงและอธิษฐานให้มีน้ำนมไหลออกจากนิ้วของท่าน เพื่อให้เด็กดูดกิน ท่านเลี้ยงมาจนโตแล้ว จึงให้คนในหมู่บ้านรับเลี้ยงต่อ เพราะไม่เหมาะที่เด็กสาวจะอยู่กับท่านอีก กษัตริย์เสด็จผ่านมาพบจึงขอสตรีนี้ไปเป็นมเหสี โดยไม่ได้ถวายนางให้เทวดาในคืนแรกตามธรรมเนียม เมื่อเทวดาทราบก็จะมาเอาตัวไป พระมเหสีจึงหลบหนีไปแต่เทวดาก็ยังติดตามเพื่อจะฆ่าเสีย เมื่อหนีไม่พ้นพระนางจึงอธิษฐานขอให้ร่างกลายเป็นหินและอนุญาตให้แตะต้องร่างของพระนาง ผู้ใดเจ็บป่วยตรงไหนก็เอามือแตะร่างของพระนางตรงบริเวณที่ตัวเองเจ็บป่วย ขอให้หายดี ปวดหัวก็แตะหัว ปวดเข่าก็แตะเข่า...

ประตูสิ้นสุดเขตวัด ลงบันไดไปจะเป็นตลาดนัด
เล่าเรื่องอื่นต่อนะ... คราวนี้เรื่องความเป็นศิริมงคล เจริญรุ่งเรืองถ้าใครมีโอกาสมาไหว้พระธาตุอินทร์แขวนได้ครบ 3 ครั้งใน 1 ปี ไกด์เล่าว่า เมื่อคนไทยทราบเช่นนั้น ก็มีคนคิดวิธีรวบรัดขึ้นมา เราจะทำตามก็ได้ เพราะมีแต่คนไทยเท่านั้นที่ทำ คือ บางคนไหว้พระธาตุฯตอนเช้ามืดแล้วกลับไปนอนต่อ ตื่นมาก็ไปไหว้อีกถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วไปเที่ยวเล่นที่อื่นต่อค่อยกลับมาไหว้พระธาตุอีกเป็นครั้งที่ 3 
สำหรับพวกเรามีเวลาน้อยเพราะต้องกลับแต่เช้า ไกด์จึงแนะนำอีกวิธีให้ คือ ไหว้ครั้งที่ 1 แล้วให้เดินลงบันไดทางไปตลาดนัด เพราะเป็นที่สิ้นสุดเขตวัดแล้วให้กลับขึ้นมาไหว้พระธาตุฯเป็นครั้งที่ 2  พรุ่งนี้เช้ามืดค่อยกลับมาไหว้เป็นครั้งที่ 3  ก็ขำๆกัน แต่ก็ทำตาม ไม่เสียหายอะไร ฮ่า ฮ่า

ไกด์พาไปกินข้าวเย็น แต่ 3 ทุ่มเข้าไปแล้วเราขอลาไปนอนดีกว่า ให้กินข้าวสวยกับกับข้าวหลายอย่าง หนักๆทั้งนั้น ข้าวสวยเย็นชืดมาก กับข้าวทำใหม่แต่ทำไมเย็นนักก็ไม่รู้  จะขอซดแกงจืดร้อนๆสักหน่อยก็ไม่ได้เรื่อง
นัดแนะตื่นตี 5 ไปใส่บาตรและไปไหว้พระธาตุเป็นครั้งที่ 3 !




ตี 5 ออกมารอกันหน้าโรงแรม มืดมาก มองอะไรไม่ค่อยถนัด มีเด็กเอาข้าวกับขนม(คล้ายๆของทอด มองไม่ชัด) ใส่ถุงมาขายถุงละ 20 บาท เราก็ซื้อใส่บาตรเลย เพราะเห็นว่ามีพระภิกษุ และฤาษี(บางองค์หาบกระบุง)เดินผ่านหน้าขึ้นไปทางพระธาตุฯแล้ว


หน้าโรงแรมตอนเช้ามืด
ชาวพม่าที่มานอนค้างที่วัด เก็บข้าวของนั่งรอฟ้าสว่าง

ถ่ายรูปนี้ตอนขากลับจากนมัสการพระธาตุฯเสร็จแล้ว


เมื่อขึ้นไปถึงลานพระธาตูฯ(ไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตูแล้ว) เราตามติดไปกับพี่สาว มองสำรวจบริเวณลานได้ถนัดขึ้น เพราะคนน้อยไม่หนาแน่นเหมือนตอนกลางคืน พี่สาวเจอทางลงไปลานชั้นล่างได้ (เมื่อคืนมองอะไรไม่เห็นเลย ไม่เห็นว่ามีลานชั้นล่างด้วย) จึงลงไปเดินถ่ายรูปโดยใกล้ชิดที่สุด 

ตอนเช้ามืดถึงได้มองเห็นจากลานริมรั้วหน้าพระธาตุฯ ว่ามีลานแคบๆ
ต่ำลงไปอีก 1 ชั้น บันไดทางลงก็เล็กแคบต้องระวัง


พระธาตุอินทร์แขวนตอนเช้ามืด
เขาเล่าว่า เมื่อก่อนก้อนหินที่รองรับพระธาตุฯนั้นลอยอยู่เหนือฐานรับ
มากกว่านี้ มองลอดช่องเห็นอีกด้านถนัด ปัจจุบันคนทำชั่วมากขึ้น ก้อนหินนี้จึงทรุดต่ำลง
ลงบันไดไปลานชั้น 3 จะเจอลานกว้างขึ้น เดินไปตามลานจะเป็น
ทางอ้อมไปอีกด้าน เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นพระธาตุฯ
ที่ลานชั้น 3 นี้สามารถเดินเข้าไปจนติดฐานรองรับองค์พระธาตุฯ
เวลาใกล้สว่าง 
คนไปเดินถ่ายรูปสะดวกเพราะยังมีคนอื่นมาเดินน้อย
พระธาตุอินทร์แขวนมองจากลานระฆัง

ถ่ายรูปจนพอใจแล้วรีบกลับโรงแรมมากินข้าวเช้า พอ 8 โมงเช็คเอาท์ นั่งรถลงเขาไปถึงท่ารถ 9.19 น. หูอื้อไปหมด นับเป็นการเดินทางที่ลืมไม่ลงจริงๆ


ท่ารถขากลับประมาณ 8.30 น. คนเยอะแยะเต็มถนนไปหมด ทั้งคนเพิ่งมา
และคนที่กำลังจะกลับลงไปเดินสวนกันแน่นขนัด
เก้าอี้หามผู้ที่เดินไปนมัสการพระธาตุไม่ไหว
ชาวพม่ารอคิวปีนขึ้นรถแน่น
รถบรรทุกเตรียมเลี้ยวขวา เพื่อลงเขา
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น