เรื่องนี้ต้องเล่า ไม่เล่าไม่ได้ เพราะตื่นเต้นมาก นึกไม่ถึงว่าจะได้นั่งรถ(บรรทุก)เหาะขึ้นเขา!
วันที่ 11 มีนาคม 2558 บ่าย 2 โมงกว่าออกรถเดินทางไปพระธาตุอินทร์แขวน เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แดดร้อนมาก แอร์สู้แทบไม่ไหว ส่วนถนนกำลังปรับปรุง มีการราดยางมะตอย ทำให้รถติดและฝุ่นตลบไปหมด (คนพม่าราดยางมะตอยแบบเถื่อนมาก พี่เขยมองเห็น(แทบจะร้องกรี๊ด) แล้วขอให้คนขับรถหาที่จอดรถก่อน จะลงไปถ่่ายรูปไว้ใช้ทำงาน) คือ เท่าที่เราเห็นนะว่า เขาเทยางมะตอยร้อนๆเป็นกองไว้แล้วมีคนงานเอาจอบหรืออะไรเห็นไม่ถนัด เกลี่ยไปบนพื้นถนน ไม่มีถุงมือหรือหน้ากากหรือผ้าคาดจมูกไว้ป้องกันอันตรายเลย พี่เขยบอกว่าถ้าโดนยางมะตอยลวกล่ะก็ ซวยไม่เสร็จแน่ กลิ่นยางมะตอยที่ทำอันตรายปอดอีก ไกด์เลยพานั่งพักที่รีสอร์ตสุดท้าย (จำชื่อไม่ได้ เป็นรีสอร์ตเก่าแก่ที่คนอังกฤษมาพัก)
 |
รถตู้ใช้เดินทาง 2 วันแรกแที่ยวในเมืองย่างกุ้งและหงสาวดี |
 |
จอดรถหน้ารีสอร์ต ด้านท้ายรถเป็นถนนฝุ่นแดงรอราดยางมะตอย |
เพราะจากที่นี่อีกเพียง 30 นาทีจะถึงท่ารถที่จะใช้ขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน พวกเรานั่งกินกาแฟสดรอพี่เขย (กาแฟสดที่นี่อร่อย คงเป็นเพราะใช้เครื่องชงกาแฟดี แต่ถ้าอดใจได้ ไม่ควรสั่งกาแฟในพม่ากิน เพราะจะไม่อร่อยเป็นส่วนมาก ไกด์พม่าก็มักจะเตือนว่ากาแฟไม่อร่อยนะ... อือม์! เรื่องอาหารการกินเอาไว้เล่าอีกตอนดีกว่า ไม่งั้นไม่จบ เรื่องมันยาว..
ตอนไกด์บอกว่าต้องไปท่ารถ เราฟังไม่ถนัดว่าเป็นท่ารถบรรทุก เข้าใจเอาเองว่าเป็นท่าจอดรถแล้วค่อยเอารถตู้ไปต่อ ความจริงคือต้องเอากระเป๋าลงแล้วเดินไปท่ารถ เพื่อรอขึ้นรถสำหรับขึ้นเขาโดยเฉพาะ เรามองเห็นรถบรรทุกเปล่าขับเข้ามาที่ท่ารถก็ยังไม่เอะใจ มองหาแต่รถเล็ก มองไปมองมา อ้าว! ต้องขึ้นรถบรรทุกที่เห็นนี่นา
จากนี้ไปจะเล่าเรื่องด้วยภาพและคำอธิบายย่อๆ แต่ก็จะเล่าเรื่องแทรกบ้างตามความพอใจ
 |
ในท่ารถมองออกไปที่ทางเข้า |
 |
ผู้โดยสารปีนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รอออกเดินทาง |
 |
ไกด์ซื้อที่นั่งข้างคนขับให้คุณแม่และหลานตัวจ้อยนั่งเพื่อความปลอดภัย |
 |
บันไดสำหรับปีนขึ้นรถบรรทุก 7 แถว |
 |
พวกเราได้ที่นั่งแถวสุดท้าย ถูกสุด (ปกติต้องนั่งแถวละ 6 คน เราขอนั่ง 5 คนแต่จ่ายให้เต็มราคาของ 6 คน) |
ระหว่างที่รอก็มองเห็นชาวพม่ารีบร้อนปีนขึ้นรถ มีคนคอยชี้บอกที่นั่ง พวกเรารอช้าหน่อยเพราะไกด์ติดต่อขอซื้อที่นั่งข้างคนขับให้คุณแม่ น้องสะใภ้และหลานวัย 2 ขวบ ต้องรอขอซื้ออยู่หลายคันเพราะที่นั่งมีน้อยและมักจะมีคนขอซื้อไปแล้ว รถโดยสารรอบสุดท้ายคือ 6 โมงเย็น คนเยอะมาก สาเหตุเพราะแดดเริ่มจะร่มแล้ว ไม่ร้อน ยิ่งรถต้องขับเร็วเพื่อขึ้นเนินสูง ลมยิ่งเย็น เราตื่นเต้นจนเหงื่อชุ่มหลัง แต่ยิ่งรถขึ้นสูงอากาศยิ่งเย็นช่วยปลอบใจได้เยอะ ขึ้นเขาลงห้วย เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา เราเกาะพนักที่นั่งแน่นเลย(ใครเคยไปขึ้นเขาคินชกูฎ คงพอนึกออก เพียงแต่เอาหลังคารถออกก็จะได้ตื่นเต้นคล้ายกัน)
ตื่นเต้นเร้าใจไปประมาณกือบชั่วโมง ไม่มีหลักฐานมาแสดง เพราะปล่อยมือมาถ่่ายรูปไม่ได้ กลัวกระเด็นตกรถ พอถึงท่ารถบนเขาก็ลากกระเป๋าลงจากรถเดินขึ้นเขาต่อไป ไม่ชันมาก เดินสบาย
 |
ลากกระเป๋าจากท่ารถขึ้นไปโรงแรม Moutain Top Hotel
ระยะทางไม่ถึง 1 กม. เดินไม่ทันเหนื่อย |
ข้อควรระวังที่ท่ารถจะมีคนมารับจ้างยกกระเป๋า ถ้าลากเองไม่ไหวก็จ้างได้ ถ้าไหวก็ลากไปเองเถอะ นี่พวกเรารู้ว่าโรงแรมอยู่ไม่ไกล จึงลากกระเป๋าไปเอง แต่ก็มีเด็กๆพยายามจะเข้าช่วยให้ได้ เมื่อเราปฎิเสธ ก็เปลี่ยนเป็นขอเป็นบอดี้การ์ดแทน ให้เท่าไหร่ก็ได้
 |
มองจากประตูโรงแรมไปที่ถนนขึ้นไปพระธาตุ |
 |
ดู DVD เรื่องพระธาตุอินทร์แขวน |
 |
ของที่ระลึกวางขายใน lobby |
 |
ห้องนอนใชัพัดลม สะดวกสบายพอควร ไม่ร้อนเลยเพราะบนภูเขาอากาศเย็นมาก |
 |
ใกล้ถึงทางเดินขึ้นบันไดพระธาตุฯจะเป็นพื้นหินอ่อน เวลาเดินต้องระวังลื่น
เดินริมทางดีกว่า เพราะเป็นหินหยาบไม่ลื่น |
 |
ถึงจุด check point แล้วซื้อบัตรค่าผ่านประตูขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน 6,000 จ๊าด |
 |
ประตูขึ้นไปลานวัด เราขึ้นไปนมัสการตอนประมาณทุ่มเศษ เชิงบันไดจะมีตู้รับฝากรองเท้า
มีคนดูแลตู้ เราจะให้เท่าไหร่ก็ได้ |
 |
ห้องประวัติพระธาตุอินทร์แขวนอยู่ก่อนขึ้นบันไดไปนมัสการพระธาตุฯ |
 |
ไกด์กำลังเล่าเรื่องความเป็นมาของพระธาตุอินทร์แขวน |
 |
พระภิกษุ เทวดา กษัตริย์ เสนาอำมาตย์ พ่อค้า พลเมืองมากราบนมัสการพระธาตุฯ |
 |
ไม่ทราบใครเป็นคนเริ่มม้วนธนบัตรใส่หัตถ์พระพุทธรูป |
 |
ลานวัดพระธาตุอินทร์แขวนกว้างมาก ระหว่างทางเดินมีชาวบ้านปูที่นอนเป็นกลุ่มๆ เสียงพูดคุยน้อยมาก |
 |
หน้าห้องขายทองคำเปลวแผ่นละ 1,750 จ๊าด |
 |
ศาลาตู้บริจาคเงินหน้าพระธาตุฯ |
 |
ทางเดินข้างศาลาตู้รับบริจาคเงิน เพื่อเดินไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนให้ใกล้ที่สุด |
เมื่อเดินผ่านลานเข้าไปจะเห็นชาวพม่าทั้งเดินทั้งนั่งเต็มไปหมด แต่บรรยากาศสงบมาก เมื่อเดินเข้าไปสุดเขตที่ให้ผู้หญิงเข้าได้ พวกเราก็นั่งกราบพระธาตุอินทร์แขวนแล้วฝากทองคำเปลวให้น้องชายเอาไปติดที่พระธาตุ ที่นั่งบริเวณนั้นคับแคบมาก เพราะมีชาวพม่าผู้หญิงอายุต่างๆมานั่งสวดมนต์เต็มไปหมด เราก็เกรงว่าจะยืนค้ำศีรษะคนชรา ก็จะพยายามเดินก้มๆตัว บอกได้เลยว่าชาวพม่าที่นั่งสวดมนต์มีแต่คนหน้าตายิ้มแย้มใจดี เหมือนคนไทยท้องถิ่นต่างๆมากๆ ไม่มีสีหน้าหงุดหงิดให้เห็นเลย
 |
ชาวบ้านที่มานั่งสวดมนต์ในศาลาตู้รับบริจาค |
 |
ข้างหน้าศาลาจะมีแนวรั้วกันไว้ ผู้หญิงจะนั่งบริเวณนี้ได้ใกล้พระธาตุที่สุด |
 |
ลานกว้างหน้าพระธาตุฯจะมีชาวบ้านที่มาค้างคืนนั่งและนอนอยู่เต็มไปหมด
แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยเลย
การที่ชาวพม่ามานอนบนพื้นลาน เพราะห้องพักของวัดเต็มไม่เพียงพอ จึงอนุโลมให้นอนตามริมทางเดินและลานได้ พอตอนเช้าก็พากันเก็บที่นอนเดินทางลงไปท่ารถ พวกเราไหว้พระเสร็จก็เดินถ่ายรูปเท่าที่จะทำได้ แต่คนเยอะมากจึงไม่ได้เดินสำรวจละเอียดนัก เวลาสัก 3 ทุ่มกว่า จึงลงจากลานพระธาตุกลับที่พัก เพราะหิวและเริ่มง่วง พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดไปใส่บาตรและกราบพระธาตุฯอีกรอบ
|
|
ประตูให้ผู้ชายเท่านั้นเข้าไปติดทองคำเปลว
|
 |
ริมรั้วอีกด้าน |
 |
ผู้ชายจะนำทองคำเปลวไปติดที่ก้อนศิลาองค์พระธาตุ |
 |
ขยับเข้าไปชิดรั้วเพื่อถ่ายรูป |
 |
รั้วอีกด้าน วางของซื้อถวาย |
 |
เทพทันใจดูแลพระธาตุอินทร์แขวน |
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น