วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

ไทยเที่ยวพม่า ตอน พระธาตุอินทร์แขวน ภาค 1


เรื่องนี้ต้องเล่า ไม่เล่าไม่ได้ เพราะตื่นเต้นมาก นึกไม่ถึงว่าจะได้นั่งรถ(บรรทุก)เหาะขึ้นเขา!


           วันที่ 11 มีนาคม 2558 บ่าย 2 โมงกว่าออกรถเดินทางไปพระธาตุอินทร์แขวน เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แดดร้อนมาก แอร์สู้แทบไม่ไหว ส่วนถนนกำลังปรับปรุง มีการราดยางมะตอย ทำให้รถติดและฝุ่นตลบไปหมด (คนพม่าราดยางมะตอยแบบเถื่อนมาก พี่เขยมองเห็น(แทบจะร้องกรี๊ด) แล้วขอให้คนขับรถหาที่จอดรถก่อน จะลงไปถ่่ายรูปไว้ใช้ทำงาน)  คือ เท่าที่เราเห็นนะว่า เขาเทยางมะตอยร้อนๆเป็นกองไว้แล้วมีคนงานเอาจอบหรืออะไรเห็นไม่ถนัด เกลี่ยไปบนพื้นถนน ไม่มีถุงมือหรือหน้ากากหรือผ้าคาดจมูกไว้ป้องกันอันตรายเลย พี่เขยบอกว่าถ้าโดนยางมะตอยลวกล่ะก็ ซวยไม่เสร็จแน่ กลิ่นยางมะตอยที่ทำอันตรายปอดอีก ไกด์เลยพานั่งพักที่รีสอร์ตสุดท้าย (จำชื่อไม่ได้ เป็นรีสอร์ตเก่าแก่ที่คนอังกฤษมาพัก)  
รถตู้ใช้เดินทาง 2 วันแรกแที่ยวในเมืองย่างกุ้งและหงสาวดี

จอดรถหน้ารีสอร์ต ด้านท้ายรถเป็นถนนฝุ่นแดงรอราดยางมะตอย
เพราะจากที่นี่อีกเพียง 30 นาทีจะถึงท่ารถที่จะใช้ขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน พวกเรานั่งกินกาแฟสดรอพี่เขย (กาแฟสดที่นี่อร่อย คงเป็นเพราะใช้เครื่องชงกาแฟดี แต่ถ้าอดใจได้ ไม่ควรสั่งกาแฟในพม่ากิน เพราะจะไม่อร่อยเป็นส่วนมาก ไกด์พม่าก็มักจะเตือนว่ากาแฟไม่อร่อยนะ... อือม์! เรื่องอาหารการกินเอาไว้เล่าอีกตอนดีกว่า ไม่งั้นไม่จบ เรื่องมันยาว..
     ตอนไกด์บอกว่าต้องไปท่ารถ เราฟังไม่ถนัดว่าเป็นท่ารถบรรทุก เข้าใจเอาเองว่าเป็นท่าจอดรถแล้วค่อยเอารถตู้ไปต่อ ความจริงคือต้องเอากระเป๋าลงแล้วเดินไปท่ารถ เพื่อรอขึ้นรถสำหรับขึ้นเขาโดยเฉพาะ เรามองเห็นรถบรรทุกเปล่าขับเข้ามาที่ท่ารถก็ยังไม่เอะใจ มองหาแต่รถเล็ก มองไปมองมา อ้าว! ต้องขึ้นรถบรรทุกที่เห็นนี่นา
จากนี้ไปจะเล่าเรื่องด้วยภาพและคำอธิบายย่อๆ แต่ก็จะเล่าเรื่องแทรกบ้างตามความพอใจ

ในท่ารถมองออกไปที่ทางเข้า
ผู้โดยสารปีนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รอออกเดินทาง
ไกด์ซื้อที่นั่งข้างคนขับให้คุณแม่และหลานตัวจ้อยนั่งเพื่อความปลอดภัย
บันไดสำหรับปีนขึ้นรถบรรทุก 7 แถว
พวกเราได้ที่นั่งแถวสุดท้าย ถูกสุด (ปกติต้องนั่งแถวละ 6 คน เราขอนั่ง 5 คนแต่จ่ายให้เต็มราคาของ 6 คน)
          ระหว่างที่รอก็มองเห็นชาวพม่ารีบร้อนปีนขึ้นรถ มีคนคอยชี้บอกที่นั่ง พวกเรารอช้าหน่อยเพราะไกด์ติดต่อขอซื้อที่นั่งข้างคนขับให้คุณแม่ น้องสะใภ้และหลานวัย 2 ขวบ ต้องรอขอซื้ออยู่หลายคันเพราะที่นั่งมีน้อยและมักจะมีคนขอซื้อไปแล้ว รถโดยสารรอบสุดท้ายคือ 6 โมงเย็น คนเยอะมาก สาเหตุเพราะแดดเริ่มจะร่มแล้ว ไม่ร้อน ยิ่งรถต้องขับเร็วเพื่อขึ้นเนินสูง ลมยิ่งเย็น เราตื่นเต้นจนเหงื่อชุ่มหลัง แต่ยิ่งรถขึ้นสูงอากาศยิ่งเย็นช่วยปลอบใจได้เยอะ ขึ้นเขาลงห้วย เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา เราเกาะพนักที่นั่งแน่นเลย(ใครเคยไปขึ้นเขาคินชกูฎ คงพอนึกออก เพียงแต่เอาหลังคารถออกก็จะได้ตื่นเต้นคล้ายกัน)
ตื่นเต้นเร้าใจไปประมาณกือบชั่วโมง ไม่มีหลักฐานมาแสดง เพราะปล่อยมือมาถ่่ายรูปไม่ได้ กลัวกระเด็นตกรถ พอถึงท่ารถบนเขาก็ลากกระเป๋าลงจากรถเดินขึ้นเขาต่อไป ไม่ชันมาก เดินสบาย


ลากกระเป๋าจากท่ารถขึ้นไปโรงแรม Moutain Top Hotel
ระยะทางไม่ถึง 1 กม. เดินไม่ทันเหนื่อย 

ข้อควรระวังที่ท่ารถจะมีคนมารับจ้างยกกระเป๋า ถ้าลากเองไม่ไหวก็จ้างได้ ถ้าไหวก็ลากไปเองเถอะ นี่พวกเรารู้ว่าโรงแรมอยู่ไม่ไกล จึงลากกระเป๋าไปเอง แต่ก็มีเด็กๆพยายามจะเข้าช่วยให้ได้ เมื่อเราปฎิเสธ ก็เปลี่ยนเป็นขอเป็นบอดี้การ์ดแทน ให้เท่าไหร่ก็ได้

มองจากประตูโรงแรมไปที่ถนนขึ้นไปพระธาตุ
ดู DVD เรื่องพระธาตุอินทร์แขวน
ของที่ระลึกวางขายใน lobby
ห้องนอนใชัพัดลม สะดวกสบายพอควร ไม่ร้อนเลยเพราะบนภูเขาอากาศเย็นมาก
ใกล้ถึงทางเดินขึ้นบันไดพระธาตุฯจะเป็นพื้นหินอ่อน เวลาเดินต้องระวังลื่น
เดินริมทางดีกว่า เพราะเป็นหินหยาบไม่ลื่น
ถึงจุด check point แล้วซื้อบัตรค่าผ่านประตูขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน 6,000 จ๊าด 
ประตูขึ้นไปลานวัด เราขึ้นไปนมัสการตอนประมาณทุ่มเศษ เชิงบันไดจะมีตู้รับฝากรองเท้า
มีคนดูแลตู้ เราจะให้เท่าไหร่ก็ได้

ห้องประวัติพระธาตุอินทร์แขวนอยู่ก่อนขึ้นบันไดไปนมัสการพระธาตุฯ
ไกด์กำลังเล่าเรื่องความเป็นมาของพระธาตุอินทร์แขวน
พระภิกษุ เทวดา กษัตริย์ เสนาอำมาตย์ พ่อค้า พลเมืองมากราบนมัสการพระธาตุฯ

ไม่ทราบใครเป็นคนเริ่มม้วนธนบัตรใส่หัตถ์พระพุทธรูป

ลานวัดพระธาตุอินทร์แขวนกว้างมาก ระหว่างทางเดินมีชาวบ้านปูที่นอนเป็นกลุ่มๆ เสียงพูดคุยน้อยมาก
หน้าห้องขายทองคำเปลวแผ่นละ 1,750 จ๊าด

ศาลาตู้บริจาคเงินหน้าพระธาตุฯ
ทางเดินข้างศาลาตู้รับบริจาคเงิน เพื่อเดินไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนให้ใกล้ที่สุด

เมื่อเดินผ่านลานเข้าไปจะเห็นชาวพม่าทั้งเดินทั้งนั่งเต็มไปหมด แต่บรรยากาศสงบมาก เมื่อเดินเข้าไปสุดเขตที่ให้ผู้หญิงเข้าได้ พวกเราก็นั่งกราบพระธาตุอินทร์แขวนแล้วฝากทองคำเปลวให้น้องชายเอาไปติดที่พระธาตุ ที่นั่งบริเวณนั้นคับแคบมาก เพราะมีชาวพม่าผู้หญิงอายุต่างๆมานั่งสวดมนต์เต็มไปหมด เราก็เกรงว่าจะยืนค้ำศีรษะคนชรา ก็จะพยายามเดินก้มๆตัว บอกได้เลยว่าชาวพม่าที่นั่งสวดมนต์มีแต่คนหน้าตายิ้มแย้มใจดี เหมือนคนไทยท้องถิ่นต่างๆมากๆ ไม่มีสีหน้าหงุดหงิดให้เห็นเลย


ชาวบ้านที่มานั่งสวดมนต์ในศาลาตู้รับบริจาค
ข้างหน้าศาลาจะมีแนวรั้วกันไว้ ผู้หญิงจะนั่งบริเวณนี้ได้ใกล้พระธาตุที่สุด

ลานกว้างหน้าพระธาตุฯจะมีชาวบ้านที่มาค้างคืนนั่งและนอนอยู่เต็มไปหมด
แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยเลย


การที่ชาวพม่ามานอนบนพื้นลาน เพราะห้องพักของวัดเต็มไม่เพียงพอ จึงอนุโลมให้นอนตามริมทางเดินและลานได้ พอตอนเช้าก็พากันเก็บที่นอนเดินทางลงไปท่ารถ พวกเราไหว้พระเสร็จก็เดินถ่ายรูปเท่าที่จะทำได้ แต่คนเยอะมากจึงไม่ได้เดินสำรวจละเอียดนัก เวลาสัก 3 ทุ่มกว่า จึงลงจากลานพระธาตุกลับที่พัก เพราะหิวและเริ่มง่วง พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดไปใส่บาตรและกราบพระธาตุฯอีกรอบ



  
ประตูให้ผู้ชายเท่านั้นเข้าไปติดทองคำเปลว


ริมรั้วอีกด้าน
ผู้ชายจะนำทองคำเปลวไปติดที่ก้อนศิลาองค์พระธาตุ

ขยับเข้าไปชิดรั้วเพื่อถ่ายรูป

                 
                  รั้วอีกด้าน วางของซื้อถวาย

เทพทันใจดูแลพระธาตุอินทร์แขวน
Cr ภาพและเรื่องโดย วาสนา วงศ์ชัยประเสริฐ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น